29 มี.ค. 66 – นายสนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Sonthi Kotchawat” ประเด็นเกี่ยวกับมุมมองในการป้องกันและแก้ไขฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ ระบุว่า
1.ฝุ่นPM2.5ภาคเหนือสูงขนาดนี้(ตั้งแต่300 มคก.ต่อลบ.ม.ติดต่อกัน)ต้องถือว่าเป็นภัยพิบัติหรือสาธารณภัยตามมาตรา4ของพรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพ.ศ.2550 ที่จังหวั ดหรือท้องถิ่นสามารถออกประกาศเป็นพื้นที่ที่ประสบภัยเพื่อนำงบประมาณออกมาช่วยเหลือพี่น้องไม่ให้ตายผ่อนส่งแบบนี้
2.การป้องกันสุขภาพของประชาชนที่ต้องรีบทำด่วนคือ
2.1.อพยพเด็กเล็ก คนป่วย คนชราและคนกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ไปอยู่ในอาคารที่จัดทำเป็นห้องปลอดฝุ่นPM2.5 หรือห้อง Clean Room ซึ่งเป็นห้องติดแอร์ที่มีการป้องกันฝุ่น PM2.5ด้วยแผ่นกรองอากาศชนิดHEPA (High Efficiency Particulate Air Filter)ซึ่งเป็นแผ่นกรองอากาศคุณภาพสูงทำมาจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) ถักทอจนมีขนาดที่เล็กมากๆ จนมีความสามารถในของการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กมากๆได้เป็นอย่างดี..ห้องปลอดฝุ่นดังกล่าวต้องเร่งทำอย่างเต็มที่
2.2.จังหวัดต้องแจกหน้ากรองกรองฝุ่นชนิด N-95ให้ประชาชนใช้ทุกคน(ไม่ใช่หน้ากากอนา มัย)
2.3.สั่งให้ทุกคนWork from homeและลดการเผาในที่โล่งทุกแห่ง
3.การจัดการเพื่อลดฝุ่นควันในพื้นที่
3.1.ประกาศให้ประชาชนทราบและระดมกำลังทุกภาคส่วนออกไปจับผู้ที่แอบเผานำมาลง โทษอย่างจริงจังรวมทั้งเร่งดับไฟป่าและไฟที่เกิดจากการเผาอื่นๆในพื้นที่
3.2.แจ้งไปยังเลขาสำนักงานอาเซี่ยนและขอความร่วมมือให้เพื่อนบ้านลดการเผาลง
4.ระยะยาวหรือปีต่อไป
4.1.กำหนดระยะเวลาห้ามเผาให้ชัดเจน เช่น ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงๆ รวมทั้งต้องมีมาตรการช่วยเหลือให้มีการไถกลบตอซังฟางข้าวหรือรับซื้อไปใช้โรงไฟฟ้าชีวมวลต่อไป
4.2.กระจายงบประมาณในการแก้ไขปัญหาฝุ่นPM2.5ให้อปท.ทุกแห่งและมอบอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายจับกุมผู้ลักลอบเผาในพื้นที่รวมทั้งจัดสรรงบประมาณดับไฟในพื้นที่ด้วยโดยจังหวัดทำหน้ากำกับตรวจสอบให้เป็นไปตามเป้าหมาย
4.3.รัฐบาลเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในเรื่อง Contact farming จะไม่รับซื้อผลิตผลทางการเกษตรที่ปลูกในพื้นที่ผิดกฎหมายและผลิตผลที่มาจากการเผาตอซังและวัสดุเหลือใช้ทาง การเกษตร เช่นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และพืชผลที่ประทศไทยส่งเสริมให้ปลูกรวมกัน8ชนิดและรัฐบาลต้องบังคับให้ภาคเอกชนไทยทำตามนโยบายดังกล่าวด้วย