5 เม.ย. 66 – กรมอุตุนิยมวิทยารายงานการคาดหมายดัชนีรังสีอัลตราไวโอเลต (UV Index) ช่วงวันที่ 3 – 9 เมษายน 2566 ดัชนียูวีสูงสุดกรณีท้องฟ้าโปร่ง เวลา 12.00 น. หลายจังหวัดค่าดัชนียูวีสูงพุ่งทะลุ 11 ซึ่งการรับแสงแดดอ่อนๆ ในตอนเช้าหรือก่อนค่ำ มีคุณประโยชน์ในการสร้างวิตามินดีของผิวหนัง แต่การได้รับปริมาณมากในช่วงเวลา 09.00-15.00 น. สามารถเกิดผิวหนังเกรียมแดด จากการได้รับแสงแดดติดต่อกันประมาณ 15 นาที (ระยะยาว มีผลกระทบต่อดวงตาและทำลาย DNA)
ค่าดัชนียูวี 11 (สูงจัด) ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ลำปาง หนองคาย สกลนคร ขอนแก่น อุบลราชธานี บุรีรัมย์ นครราชสีมา กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ กาญจนบุรี
ค่าดัชนียูวี 12 (สูงจัด) ได้แก่ กรุงเทพฯ จันทบุรี ชลบุรี
ค่าดัชนียูวี 13 (สูงจัด) ได้แก่ ตราด ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต สงขลา นราธิวาส
ระดับค่าดัชนียูวี 5 ระดับ
สีเขียว (0-2) Low : มีผลต่อผิวหนังต่ำ
สีเหลือง (3-5) Moderate : เริ่มมีผลต่อผิวหนัง ควรแต่งกายให้มิดชิด สวมหมวกปีกกว้าง และทาครีมกันแดด
สีส้ม (6-7) High : ควรแต่งกายให้มิดชิด สวมหมวกปีกกว้าง และทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชม.
สีแดง (8-10) Very High : ปฏิบัติเช่นเดียวกับ ระดับสีส้ม แต่ความเข้มข้นระดับนี้เริ่มส่งผลเสียรุนแรงต่อผิวหนังและดวงตา
สีม่วง (มากกว่า 11 ขึ้นไป) Extreme : ควรหลีกเลี่ยงการออกแดด เพราะแสงอาทิตย์จะเผาไหม้ผิวหนัง และส่งผลเสียต่อดวงตา