เชียงใหม่ เครือข่ายภาคประชาชน ยื่นศาลปกครองฟ้อง “พล.อ.ประยุทธ์” นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เหตุเพิกเฉยไม่ใช้อำนาจทางกฎหมายแก้วิกฤตฝุ่นควัน PM2.5

385

เชียงใหม่ เครือข่ายภาคประชาชน ยื่นศาลปกครองฟ้อง “พล.อ.ประยุทธ์” นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เหตุเพิกเฉยไม่ใช้อำนาจทางกฎหมายแก้วิกฤตฝุ่นควัน PM2.5

ช่วงสายวันนี้ (10 เม.ย.66) เครือข่ายประชาชนภาคเหนือ พร้อมนักวิชาการ มช. สภาลมหายใจเชียงใหม่ สภาลมหายใจภาคเหนือ รวมตัวกันบริเวณหน้าป้ายศาลปกครองเชียงใหม่ กว่า 60 คน เพื่อร้องต่อศาลปกครองกรณีไม่ใช้อำนาจทางกฎหมายแก้วิกฤตฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างหนักและส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือมาอย่างต่อเนื่อง โดยยื่นร้องต่อศาลปกครอง เพื่อฟ้องจันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ไม่ได้ใช้มาตรการทางกฎหมาย กลไกทางสิทธิมนุษยชน นโยบาย และแผนที่มีอยู่ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและจัดทำแผนฉุกเฉินเพื่อแก้ไขสถานการณ์วิกฤตฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการนำป้ายต้าน PM 2.5 มาแสดง พร้อมมีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ การเป่าลูกโป่งพร้อมเขียนข้อความทวงคืนอากาศที่ดี หน้าป้ายศาลปกครอง ก่อนที่ในเวลา 10.00 .จะเริ่มตั้งขบวนและชูป้ายเดินเข้าสู่บริเวณด้านหน้าศาลปกครองเชียงใหม่ และส่งตัวแทนนำเอกสารฟ้องร้องขึ้นไปยื่นร้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่

ขณะที่มีผู้สมัคร ..จากพรรคต่างๆ ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งมาร่วมสังเกตการณ์ในการร้องศาลปกครองในวันนี้ อาทิ ..สิทธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เขต 1 เชียงใหม่ และ นายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล ผู้สมัครพรรคก้าวไกล เขต 3 เชียงใหม่ มาร่วมด้วย

รองศาสตราจารย์สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยว่า การร้องศาลปกครองเชียงใหม่ในวันนี้ ศาลปกครองเชียงใหม่รับเป็นคดีที่ ส.3/2566 เนื่องจากที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 จนถึงปัจจุบัน สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ภาคเหนือ มีความเข้มข้นสูงปกคลุมเหนือ อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เป็นวิกฤตระดับสูงสุด และมีผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ สะสมแล้วกว่า 2 ล้านคน โดยเฉพาะในเขตจังหวัดภาคเหนือตอนบนของไทย เช่น จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ต้องประสบกับ ผลกระทบทางสุขภาพจากการรับสัมผัสฝุ่นพิษในระดับที่ เป็นอันตราย โดยมีฝุ่น PM 2.5 สูงกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขึ้นไป ต่อเนื่องกันนับสัปดาห์ เป็นวิกฤตด้านสาธารณสุข ที่ส่งผลอย่างร้ายแรงและถูกเพิกเฉยจากรัฐบาลมายาวนาน เครือข่ายประชาชนภาคเหนือ จึงฟ้องนายกฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากไม่ใช้อำนาจทางกฎหมายแก้วิกฤตฝุ่น PM2.5 โดยประชาชนร่วมลงชื่อสนับสนุนการฟ้อง ตั้งแต่วันที่ 7-9 เมษายน 66 กว่า 727 คน และลงชื่อออนไลน์เพื่อสนับสนุนประเด็นการแก้ไขวิกฤตฝุ่นจากเกษตรพันธสัญญา กว่า 980 คน และยังได้รับการสนับสนุนจากภาคประชาสังคมอื่นๆ

ครั้งนี้มีการฟ้องนายกรัฐมนตรี ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 9 ...ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งเมื่อเกิดตุภัยพิบัติอย่างร้ายแรง ให้มีอำนาจสั่งการให้หน่วยงานทำหน้าที่อย่างเข้มงวด เนื่องจากนายกรัฐอำนาจนี้จนการแก้ไขปัญหาวิกฤตฝุ่น PM 2.5 มีความล่าช้า ไม่ทันต่อความร้ายแรงของเหตุการณ์ และฟ้องคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ให้ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ซึ่งรัฐบาลประกาศแผนนี้มาตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากในระยะเวลา 4 ปี ในการใช้แผนนี้แทบจะไม่เห็นความคืบหน้า และปัญหายังคงความรุนแรงอยู่ นี่คือความผิดปกติที่ไม่อาจยอมรับ

รวมถึงฟ้องคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (...) และคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งมีหน้าที่ครอบคลุมถึงพันธกรณีนอกอาณาเขต (Extrateritorial Obigations) ให้กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการจัดทำรายงานการเปิดเผยข้อมูลอย่างรอบด้าน เพิ่มในแบบรายงานหรือแบบอื่นๆ ในฐานะเอกสารสำคัญ สำหรับการตรวจสอบข้อมูลตลอดห่วงโซ่อุปทานอันแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 ซึ่งส่งผลกระทบข้ามพรมแดนมายังประเทศไทย

นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ กล่าวว่า ประชาชนในเมืองต้องเจอฝุ่นพิษ PM2.5 ระดับเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 50ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ต้องเผชิญกับความเสี่ยงมะเร็งปอดชนิด EGFR mutation ที่มักพบในคนไม่สูบบุหรี่ เพิ่มขึ้น 7 เท่า รวมถึงเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมีอายุเฉลี่ยสั้นลง 45 ปี เราต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายจากภาครัฐ ด้วยเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ ไม่เกรงใจกลุ่มทุน ซึ่งจะช่วยป้องกันการเจ็บป่วยและรักษาชีวิตคนได้นับล้าน