11 เม.ย. 66 – เพจเฟซบุ๊ก The Wild Chronicles – ประวัติศาสตร์ ข่าวต่างประเทศ ท่องเที่ยวที่แปลก ได้เผยว่า ในเว็บไซต์ khmer440 มีชาวเขรมรายหนึ่งใช้นามปากกาว่า SEAhistory ได้กล่าวว่า นายขนมต้มนั้นแท้จริงเป็นชาวเขมร และวิชาที่นายขนมต้มใช้นั้นไม่ใช่มวยไทย แต่เป็นมวยเขมรตามหลักฐานที่ปรากฏบนกำแพงนครวัด
นอกจากนี้ยังอธิบายว่า กาลครั้งหนึ่งเมื่อกษัตริย์พม่ารบชนะอยุธยา และกวาดต้อนชาวไทยไปนั้น ได้มีทาสชาวเขมรคนหนึ่งอยู่ในหมู่เชลยไทย มีหน่วยก้านดี จึงถูกเรียกมาให้ต่อยมวยให้กษัตริย์พม่าดู ทาสเขมรคนนั้นชื่อนายขนมต้ม แต่แทนที่จะต่อยมวย เขาได้ใช้วิชาร่ายรำอันงดงามและทรงพลัง ทำให้นักมวยพม่าที่เป็นคู่ชกมีอาการมึนเมา และถูกเขาสยบลงในที่สุด
กษัตริย์พม่ารู้สึกประหลาดใจจึงเรียกนักมวยพม่ามาสู้อีก ก็ล้วนถูกนายขนมต้มใช้การร่ายรำทำให้เมามายไปทั้งสิ้น รวมแล้วเป็นสิบคน
กษัตริย์พม่ามีความพึงพอใจ จึงประทานเงินทองและภรรยาให้กับนายขนมต้ม จนนายขนมต้มอยู่สอนวิชามวยเขมรในเมืองพม่า กลายเป็นต้นตำรับมวยพม่า หรือที่เรียกว่า และเหว่ (Lethwei)
ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่ระบุว่านายขนมต้มเป็นชาวไทย แต่หลักฐานชิ้นใหญ่ที่สนับสนุนเรื่องราวของเขา คือชื่อของนายขนมต้ม เพราะคำว่า “ขนมต้ม” เป็นคำที่ไม่มีความหมายในภาษาไทย โดยคำว่า “ขนม” นั้นแปลว่าของหวาน ส่วนคำว่า “ต้ม” แปลว่าต้มอาหาร หรือแปลว่าซุป
ในทางตรงข้ามคำว่าขนมต้มกลับมีความหมายในภาษาเขมร โดยมาจากคำว่า “ขยม” ที่แปลว่า “ตัวฉัน” หรือ “ข้ารับใช้” และคำว่า “ธม” ที่แปลว่า “ใหญ่” ดังนั้นนายขนมต้มจึงมีชื่อที่แท้จริงว่า “นายขยมธม” ที่แปลว่า “ฉันใหญ่นะ”
วิชาการร่ายรำแบบเขมรนั้นได้ถูกพัฒนามาเป็นการ “รำไหว้ครู” ของมวยไทย สังเกตว่าท่วงท่าคล้ายกัน และคำว่าครูก็เป็นภาษาเขมรด้วย นอกจากนั้นคำว่า “มงคล” หรือเครื่องประดับศีรษะที่นักมวยไทยใช้สวมนั้น เป็นคำที่ไม่มีความหมายในภาษาไทย แต่กลับมีความหมายในภาษาเขมร ซึ่งแปลว่า “มงคล” (งงมะ) ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกหลักฐานว่ามวยไทยมาจากเขมรนั่นเอง
ทั้งนี้เรื่องราวดังกล่าว อาจเป็นเพียงความเชื่อของบุคคล กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น “นายขนมต้ม” ถือเป็นยอดนักมวยในตำนาน ซึ่งปรากฏหลักฐานในพระราชพงศาวดารพม่า รวมถึงในพระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน