22 เม.ย. 66 – เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง “แดกเบียร์ให้เพลียแคม” ได้โพสต์ ผลพิพากษาจากศาล กรณีทำผิดพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา 32 ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือ แสดงชื่อ หรือ เครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ หรือ ชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม
โดยทางเพจระบุว่า “ผลพิพากษาออกมาแล้วนะครับ จำคุก 8 เดือน ค่าปรับแสนห้า และมีค่าปรับรายวันเพิ่มอีก นี่คือโทษของการพูดถึงความสุขและสุนทรียะของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศนี้
ผมคงมิอาจวิพากษ์วิจาร์ณคำตัดสินจากศาลได้ แต่ขอน้อมรับการลงทัณฑ์ที่ประเทศนี้มีให้แก่ผม อยากให้ทุกคนช่วยกันพูดถึงกฏหมายนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ช่วยแชร์ด้วย เผื่อจะไปถึงหูถึงตาสื่อมวลชน คืบหน้าอย่างไร จะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ ขอบคุณทุกท่านครับ”
หลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงกฎหมายดังกล่าวจำนวนมาก
ทั้งนี้ทางเพจได้สรุปเรื่องราวทั้งหมด ไว้ดังนี้
– เรื่องมันเริ่มจากปี 2020 โควิดเล่นงานประเทศไทย และในช่วงนั้นคนเข้าร้านเบียร์น้อยลง และนำไปสู่การปิดร้านเหล้าเบียร์และสถานบันเทิงทุกอย่าง
– เมื่อร้านพวกนี้ปิด สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการดิ้นรนเอาตัวรอด โพสลงในเพจร้าน เพื่อขายของ
– สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สคอ.) ฉวยโอกาสนี้ กระทืบซ้ำคนทำมาหากิน ด้วยการไล่ออกหมายเรียกเจ้าของร้าน เพื่อนำมาปรับ
– ในเวลานั้นมีร้านคราฟต์เบียร์โดนเรียกไปปรับเป็นหลักร้อยราย มีคนโดนแม่งทุกวัน และเริ่มมีเพจคราฟต์เบียร์โดนเรียกไปทีละราย
– ผมโดนหมายเรียกจาก สคอ ช่วงปลายปี 2020 โดยที่ผมต้องเดินทางไป สคอ เพื่อให้ปากคำ โดยที่ถูกขัดขวางไม่ให้นำทนายและคนรู้จักเข้าไปนั่งในห้องสอบสวนด้วย (ซึ่งผิดกฏหมาย แต่ตอนนั้นผมยังไม่ทราบอะไรมาก)
– โพสที่ผมโดนคือการโพสรูปเบียร์ 1 กระป๋อง พร้อมกับการอธิบายรสชาติเชิงสุนทรียะ เหมือนเราไปนั่งดูหนังแล้วก็บอกว่าชอบเพราะอะไร ส่วนผมวิเคราะห์และอธิบายว่าเบียร์ตัวนั้นเป็นเบียร์สไตล์ไหน โครงสร้างเป็นอย่่างไร รสชาติแบบไหน
– ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติสากลของโลกนี้นะครับ แดกแล้วรู้สึกอย่างไรก็อธิบายไป ผมสอบได้ใบประกาศ cicerone สอบผ่าน bjcp รอบแรก ผมอธิบายด้วยหลักการที่ผมร่ำเรียนมา ไม่ได้ยกเมฆอะไร ประสบการณ์การตัดสินงานเบียร์ผมก็ตัดสินมาแล้ว 5-6 ปี
– แต่ สคอ ก็ยังยืนยันว่าผมผิด พร้อมกับสั่งปรับผม 5 หมื่นบาท
– ก็คิดเอานะครับ เบียร์ผมก็ซื้อเอง เวลาอธิบายนี่ผมซีเรียสมาก ใส่ใจมาก ไม่อยากทำไปส่งๆ ผมเคารพสิ่งที่ผมทำ แต่ทำไมต้องมาโดนปรับ 5 หมื่นด้วยวะ จึงขอตัดสินใจไม่จ่ายค่าปรับและขอสู้ในชั้นศาล
– ขั้นตอนถัดไปคือ สคอ. จะส่งเรื่องให้ตำรวจ เพื่อให้ตร. ออกหมายเรียกมาสอบสวน ผมเลยต้องไป สภอ นนทบุรี เพื่อให้ปากคำสอบสวน
– เมื่อสอบสวนเสร็จแล้ว หากปฏิเสธข้อกล่าวหา จนท ก็จะส่งเรื่องให้อัยการต่อ
– หลังจากนั้นอัยการเรียกผมเข้าไปพบเดือนละครั้ง เป็นเวลาปีนึง ไปสำนักงานอัยการเพื่อเซ็น 2 นาทีเสร็จ ทำแบบนี้เป็นปี 5555
– จนปี 2022 อัยการมีคำสั่งฟ้องผม ผมก็ต้องไปขึ้นศาลนนทบุรี และศาลจะสอบถามว่าจะสารภาพมั้ย
– ผมยืนยันในสิทธิเสรีภาพของตัวเอง จึงขอสู้ต่อ แต่ต้องจ่ายค่าประกันตัว 1 แสนบาท ก็คิดเอาละกันนะครับ ขับรถชนคนตายแม่งใช้เงินประกันตัวน้อยกว่านี้อีกอ่ะ
– ศาลนัดสืบพยานในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเมื่อสืบพยานโจทก์และจำเลยเสร็จ ศาลนัดมาฟังคำตัดสิน 21 เมษา
– ในการสืบพยาน ฝ่ายโจทก์เบิกพยานเป็น 1. นิติกรของ สคอ. 2. ผู้เชี่ยวชาญที่ สคอ. เรียกมา (ในที่นี้คือคนที่ร่่างกฏหมายวิปริตนี้มากับมือ) 3. จนท ตร. ที่เป็นคนสอบสวนผม
– คำตัดสินวันนี้ออกมา สั่งจำคุกผม 8 เดือน + ปรับสองแสนบาท แต่ศาลลดโทษให้เหลือจำคุก 6 เดือน+ปรับแสนห้า รอลงอาญา 2 ปี และมีค่าปรับรายวันอีกวันละ 5000 บาท
– ซึ่งศาลก็ไม่ได้ระบุนะครับว่าค่าปรับรายวันมันเท่าไหร่ (เดี๋ยวผมจะอธิบายสิ่งนี้ท้ายๆโพสนี้นะครับ) ตอนไปประกันตัว ก็ยังงงๆกันว่าตกลงต้องจ่ายค่าปรับรายวันมั้ย (ซึ่งมันสามารถไปถึงหลักล้านได้)
– ผมตัดสินใจอุทธรณ์สู้คดีต่อ และโดนค่าประกันตัวเพิ่มอีก 5 หมื่น (รวมแล้วค่าประกันตัวคือแสนห้า) จริงๆถ้าจ่ายค่าปรับแสนห้าที่ศาลตัดสินมา ก็จบแล้ว สิ้นสุดเลย แต่ก็อยากสู้ต่อให้ถึงที่สุด
-ก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมการเขียนถึงเหล้าเบียร์ในเชิงสุนทรียะ ประเทศนี้แม่งต้องสั่งจำคุกผมด้วย นี่ผมไปฆ่าใครตายรึเปล่าวะ ก็ไม่ ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด
– ไอ้สิ่งที่ผมทำเนี่ย ถ้าอยู่ในต่างประเทศคือมีคนสนใจ ได้รับการชื่นชม แต่พอเป็นประเทศไทย แม่งมีโทษจำคุก จะไม่ให้ผมรู้สึกเจ็บปวดได้อย่างไร
…………………..
– ทำไมไม่ยอมจ่ายค่าปรับแต่แรก ให้มันจบๆไป
ลองคิดถึงความสมเหตุสมผลก่อนนะครับ ผมไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ไม่เคยสนับสนุนการดื่มแบบขาดสติ ผมรู้สึกเหมือนโดนโจรรีดไถ ผมต้องยอมจ่ายเงินครึ่งแสนให้โจรเหรอครับ???
– ทำไมถึงสู้ในศาลต่อ บางคนก็บอกว่านี่ไง สู้ไปก็แพ้ แถมโทษหนักกว่าเดิม
อย่างที่บอกไป ผมรู้สึกเหมือนโดนโจรปล้น หน่วยงานที่ไม่มีความรู้ใดๆ ตั้งใจจับเพื่อเอาเงินส่วนแบ่ง ผมจ่ายให้ไม่ลงจริงๆ ในบางชั่วขณะก็อยากจ่ายๆให้มันจบไปนะครับ แต่คิดแล้วก็รู้สึกว่าคงเสียดายและคงโกรธตัวเอง ถ้าไม่ได้ลองสู้กับมันสักตั้ง ถามว่าคิดไว้มั้ยว่าจะแพ้ ก็คิดมาในระดับนึงแล้วครับ แต่ความอยากสู้มันมีมากกว่า
– แล้วได้ทำอะไรอย่างอื่นอีกมั้ย นอกจากสู้ในศาล
ผมรณรงค์ล่ารายชื่อตั้งแต่ปี 2020 และระดมทุกสรรพกำลังจากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่รู้จัก รวมรายชื่อได้หมื่นกว่าคน จนยื่นขอแก้ไข พรบ นี้ในสภาไปแล้วตอนต้นปี 2021 แต่กระบวนการนี้ต้องใช้เวลารอคิว เราทำอะไรไม่ได้นอกจากรอครับ / ผมเข้าไปพูดคุยกับคณะอนุกรรมาธิการสาธารณสุข อนุเศษฐกิจ / ไปร้องเรียนกับมหาดไทย / ไปร้องเรียนกับผู้ตรวจการแผ่นดิน / ไปร้องเรียนกับกฤษฏีกา เข้าประชุมปีนึงเต็มๆ
ผมทำทุกทางเท่าที่จะทำได้แล้ว เสียเวลาชีวิตไปเยอะมาก ให้บอกตรงๆคือมันไม่สนุกเลย ปวดหัว เสียสุขภาพจิต เหตุผลเดียวที่เลือกทำเพราะผมทนไม่ได้กับการที่ต้องเห็นคนธรรมดาโดนเล่นงาน โดนรีดไถ เพื่อนผมหลายคนโดนไล่จับ ช่วงโควิดก็แทบสิ้นเนื้อประดาตัว ผมเชื่อว่าทุกคนถ้าเจออะไรแบบนี้ มันก็ต้องหาทางช่วยเพื่อนให้ได้
– ทำไมไม่เคารพกฏหมาย ไม่ศึกษากฏหมายว่าทำอะไรได้/ไม่ได้บ้าง
ถ้ากฏหมายนั้นๆมันริดรอนเสรีภาพของคุณ เอาเปรียบคุณ คุณจะตั้งคำถามมั้ยครับ จะยอมให้เขากดหัวไปเรื่อยๆมั้ยครับ ผมถามกลับแค่นี้
ส่วนใครที่บอกว่ากฏหมายนี้ทำอะไรได้/ไม่ได้ ผมสรุปให้สั้นๆว่า พรบนี้ ไม่อนุญาตให้เราทำอะไรใดๆสักอย่าง แค่คิดแล้วเขียนบอกยังทำไม่ได้เลย เป็นกฏหมายเผด็จการปิดปาก
…………………..
ตัวอย่างความวิปริตผิดปกติของ พรบนี้
– ค่าปรับเริ่มต้นที่ห้าหมื่น สูงกว่าเมาแล้วขับ สูงกว่าเสพยาเสพติด สูงกว่าโทษอาญาร้ายแรงหลายข้อหา
– มีสิ่งที่เรียกว่า “ค่าปรับรายวัน” ปรับวันละ 5 พันบาท สิบวันก็ห้าหมื่น ร้อยวันก็ห้าแสน โทษอันนี้ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเอาผิดกับบริษัทขนาดใหญ่ที่ซื้อสื่อติดตามรายทางหรือข้างทาง เขาเลยเรียกปรับเป็นรายวัน จนกว่าจะถอดเอาสื่อชิ้นนั้นๆออกไป แต่ข้าราชการประเทศนี้เอามาไล่บี้กับประชาชนแบบผม ผมจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าปรับรายวัน ????
– มีสิ่งที่เรียกว่า “ส่วนแบ่งสินบนค่าปรับ” หมายความว่า ค่าปรับ 5 หมื่น จะถูกหักเข้ารัฐแค่หมื่นเดียว อีก 4 หมื่น สคอ เอาไปแบ่งเข้ากระเป๋ากินกันเอง พูดง่ายๆคือกลายเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ใช้หาประโยชน์เข้าตัวเอง ยิ่งไล่จับ ยิ่งได้เงินส่วนแบ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้มันปกติมั้ยล่ะครับ
– ขบวนการที่หากินกับ พรบ คุมเหล้า มีอยู่จริง มีคนที่ได้เงินค่าปรับ มีคนที่ไปขอเงินมาทำโครงการต้านเหล้าด่าเหล้า โดยที่ขอกันไปเป็นหลักล้านบาท
– การมีอยู่ของ พรบ นี้ ทำให้มีคนส่วนนึงได้ประโยชน์ จึงต่อต้านการแก้ไขทุกชนิด และไม่เคยรับฟังคนที่เดือดร้อน
…………………..
ข้อแนะนำ สำหรับคนที่คิดจะสู้กับ พรบ นี้
– สุขภาพจิตคุณจะย่ำแย่ ต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมมากๆ การถูกสอบสวนไม่ใช่เรื่องสนุก ต้องเสียเวลาเดินทางไปรายงานตัวกับอัยการหลายเดือน ยิ่งกระบวนการในศาลจะบั่นทอนกัดกินคุณไปเยอะมาก สืบพยานเอย โดนอัยการซักเอย เป็นอะไรที่เหนื่อยมากๆ
– ประเทศนี้ใช้ระบบกล่าวหา หมายความว่าภาระหน้าที่ในการพิสูจน์ความจริงเป็นภาระของคนที่โดนกล่าวหา
– ความชั่วขอข้าราชการไทย มีเยอะมากกว่าที่หลายคนคาด ชั่วในระดับที่หากคุณรู้จะต้องอ้าปากค้างไปหลายวัน
ขอจบโพสนี้ก่อนละกันครับ ไม่งั้นมันจะยืดยาวไปเยอะมาก คดีนี้กินเวลาชีวิตผมไปเกือบ 3 ปี และยังต้องกินต่อไปอีกไม่รู้เท่าไหร่ (เพราะผมจะสู้ต่อ)
ผมพยายามมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ พยายามมีอารมณ์ขันให้มากๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองติดลบไปมากกว่านี้ เจอความบิดเบี้ยวของประเทศนี้มาขนาดนี้ ก็พยายามจะตลกกับแม่งให้ได้อยู่ (ได้บ้างไม่ได้บ้าง)
ไอ้คนที่หาแดกกับกฏหมายนี้ เอาเปรียบประชาชนด้วยกฏหมายนี้ แม่งก็อยู่อย่างสุขสบาย ส่วนผมเป็นแค่คนปกติธรรมดา ไม่มีต้นทุนอะไรเลย ไม่มีแบคอัพ แม่งต้องมาเจอเหี้ยห่าอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะมาก ตอนนี้ขอตัวไปเศร้าสักพักนะ แม่งสะเทือนใจผมพอสมควร