สำนักพุทธฯเชียงใหม่ ชี้มีข้อห้ามพระขับรถ เผยพระครูวัดดังเข้าเกียร์ผิดชนยับหลายคัน แต่ผิดไม่ร้ายแรง คณะปกครองสงฆ์เตรียมตรวจสอบว่ากล่าวตักเตือน ส่วนเงินใช้ค่าเสียหายเป็นเงินส่วนตัว

793

สำนักพุทธฯเชียงใหม่ ชี้มีข้อห้ามพระขับรถ เผยพระครูวัดดังเข้าเกียร์ผิดชนยับหลายคัน แต่ผิดไม่ร้ายแรง คณะปกครองสงฆ์เตรียมตรวจสอบว่ากล่าวตักเตือน ส่วนเงินใช้ค่าเสียหายเป็นเงินส่วนตัว

ความคืบหน้ากรณีที่ช่วงเช้าวานนี้ (30 พ.ค.66) เกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถหน้าอาคตารที่ 30 โครงการบ้านเอื้ออาทรป่าตัน ตำบลป่าตัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับความเสียหายหลายคัน จึงเข้าตรวจสอบพบรถกระบะสี่ประตู ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กว-3557 เชียงใหม่ ขับถอยหลังชนรถที่จอดไว้ได้รับความเสียหาย 5 คัน เป็น รถยนต์ 3 คัน และ รถจักรยานยนต์ 2 คัน ซึ่งในจำนวนนี้มีรถยนต์เก๋งเสียหายหนักเกือบทั้งคัน 1 คัน ส่วนคนขับรถคือพระครูพุทธบทเจติยารักษ์ หรือ ครูบาพรชัย ปิยวัณโณ อายุ 56 ปี เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทสี่รอย ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่ปรากฏข่าวออกมานั้น

ล่าสุด นายสนิท กิติกร ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลสะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า พระครูพรชัยมีกุฏิอยู่ลึกเข้าไปจากตัววัดราวหนึ่งกิโลเมตรและไม่มีใครค่อยได้เจอ โดยเฉพาะช่วงหลังทราบว่าป่วยโรคกระดูกทับเส้น นั่งนานๆ ไม่ได้ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว

ส่วนที่ขับรถลงจากวัดมาในเมือง ทราบว่าพระครูพรชัยมีน้องสาวคนสุดท้องอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าอยู่ที่ไหนและในวันเกิดเหตุเหตุก็ไม่มีใครทราบว่าพระครูพรชัยได้ขับรถลงมาในเมือง ส่วนประเด็นการใช้เงินชดใช้ค่าเสียหายกับคู่กรณี ไม่มีใครทราบว่าใช้เงินในบัญชีส่วนตัวหรือเงินของวัด แต่ที่ผ่านมาก็ได้มีญาติโยมทำบุญบริจาคเป็นส่วนตัวให้กับพระครูพรชัยด้วยความศรัทธา ส่วนเงินที่ทำบุญกับวัดก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะมีคณะกรรมการวัดร่วมดูแล เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีใครทราบว่าใช้เงินจากส่วนไหน

รายงานแจ้งว่าหลังเกิดเหตุพระครูพรชัย ยังไม่ได้กลับวัด แต่ทราบว่าเข้าไปพักรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยคาดว่าอาจเป็นเพราะโรคกระดูกทับเส้น และจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้

ด้านนายมณเทียร คูคำมี ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มส. ไม่ได้มีมติข้อห้ามพระสงฆ์ในการขับขี่รถ แต่ในพื้นที่ภาคเหนือทางคณะสงฆ์หนเหนือได้มีข้อห้ามไม่ให้ขับรถ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ก็จะตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงสาเหตุความจำเป็นในการขับรถและจะมีการว่ากล่าวตักเตือนตามลำดับ

ส่วนการใช้เงินเบื้องต้นตรวจสอบแล้วเป็นการใช้เงินส่วนตัวเนื่องจากเป็นความผิดส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับเงินวัดที่การใช้จ่ายจะต้องผ่านคณะกรรมการวัด