แฟนคลับใจหาย! บอ.บู๋ โพสต์ “เล่มเล็กจะไม่มีแล้ว” ปิดตำนานร่วม 30 ปี “สตาร์ซอคเกอร์ รายวัน” หนังสือพิมพ์กีฬาในใจของหลายๆคน
วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 “บอ.บู๋” บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร คอลัมนิสต์ชื่อดังในเครือสยามสปอร์ต โพสต์ระบุว่า โปรดทราบ: ต่อไปนี้ไม่มี ‘เล่มเล็ก’ แล้วนะครับ
‘เล่มเล็ก’ คือ ‘ชื่อเล่น’ ของหนังสือพิมพ์ สตาร์ ซอคเกอร์ รายวัน ที่พวกเรา (สมาชิกกองบัญชาการซอคเกอร์) เอาไว้เรียกขานกัน ขณะที่ ‘เล่มใหญ่’ หมายถึงหนังสือพิมพ์สยามกีฬารายวัน ฉบับออริจินัล ที่หากจำไม่ผิด สถาปนามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 โน่นนนนน !!!
1.ผมเหยียบก้าวแรกตามตูดที่ใหญ่ยิ่งกว่ากระด้งของ พี่ ย.โย่ง เอกชัย นพจินดา ขึ้นมาบนแผนกต่างประเทศ (ที่ต่อมา ผมวิสาสะตั้งชื่อให้ใหม่ว่า..กองบัญชาการซอคเก้อร์) ในตรอกโรงหมู ละแวกคลองเตย สแควร์ ด้วยความหลงไหล และใฝ่ฝัน เมื่อเดือนธันวาคม 1993 หลังจาก ‘เล่มเล็ก’ ถือกำเนิดมาได้ประมาณปีเศษๆ
ตอนแรกก็ทำทุกอย่างในขั้นพื้นฐานของการเป็นนักข่าวกีฬา เหมือนการจับบอล แปบอล และเดาะบอล ให้ช่ำชองก่อนลงสนามไปแข่งขันอย่างจริงจังนั่นแหละ โดยไม่เว้นแม้แต่เดินไปซื้อข้าวให้รุ่นพี่เป็นประจำทุกวัน
กว่าผู้อ่านจะอนุญาตให้เป็นคอลัมนิสต์ AKA บอ.บู๋ ก็ใช้เวลาหลายปี
2.เริ่มต้นจากการรายงานข่าวกีฬาแทบทุกประเภท เขียนสกู๊ป เขียนเรื่องแปล และวิจารณ์เกมฟุตบอล ก่อนเขียนคอลัมน์ประจำ ‘ทุ่งหญ้าแห่งความฝัน’ สัปดาห์ละ 2 วัน กระทั่งปี 2000 ผมได้รับโอกาสให้เป็นบรรณาธิการ หน้าที่คิดเนื้อหาในแต่ละวัน และเป็นผู้ช่วยหัวหน้าข่าวปิดเล่ม ถือเป็นช่วงที่สนุกสนานพลางภาคภูมิใจที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิต เพราะได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เนื้อหาของแต่ละวันว่าจะมีอะไร ผมก่อตั้งบนบรรณาธิการ ‘บนฐานบัญชาการซอคเกอร์’ เลือกรูปในเล่ม วางหน้า กำหนดเนื้อหาในเล่ม และช่วยหัวหน้าข่าวพาดหัวข่าวบ้าง ก่อนถูกหน่วยเหนือเนรเทศไปตะบันชีวิตที่เมืองหลวงลูกหนังเป็นเวลา 2 ปี ในระหว่างปี 2001 ถึง 2003 กลับมาก็เขียนคอลัมน์ประจำ จัดรายการทีวี และวิทยุ (โดนแบนไป 4 รอบเอง) กระทั่งปัจจุบัน
3.เมื่อโลกหมุนไปด้วยความเร็วแรงทะลุโลกันตร์ วันหนึ่งโลกโซเชี่ยลก็บุกมาเยือนเมืองมนุษย์ คนรุ่นผมกลายเป็นคนยุคอนาล็อค สื่อกระดาษอันสุดแสนแคลสสิกในความหมายของผม กลิ่นหมึกพิมพ์ และเสียง ‘แฟร็บ-แฟร็บ’ จากการพลิกหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ตอนวางตูดอยู่บนโถส้วมก็ค่อยๆ จางหายไป นาทีนี้ใครก็เป็นสื่อได้เพียงแค่มีสมาร์ตโฟนกับระบบออนไลน์ในเครื่องจนบางทีก็นึกน้อยใจ ไอ้ส้นตีนที่ไหนไม่รู้แม่งตั้งตัวเองเป็นกูรูลูกหนัง ทั้งที่ความรู้เรื่องบอลแม่งเท่าหางอึ่ง ไม่เคยผ่านกระบวนการคัดกรอง เพียงเพราะการมาของโลกโซเชี่ยล กว่าข้อเขียนของกูจะได้ตีพิมพ์บนหน้ากระดาษ กว่าผู้อ่านจะยินยอมให้เป็นคอลัมนิสต์ลูกหนัง มันต้องผ่านกระบวนการคัดกรองมากมาย และเหนื่อยหนัก จดหมายกับไปรษณีย์บัตรค่อยๆ หายไป และหายไปแทบสูญพันธุ์ไปจากโลกและดาวอังคาร เช่นเดียวกับความนิยมของแฟนบอล จากยอดพิมพ์วันละ 1 แสนฉบับ ในยุครุ่งเรือง เหลือเท่าไหร่ในยุคปัจจุบัน ผมไม่ใคร่จะรู้
4.เมื่อวันก่อน ขณะที่กำลังไถหน้าจอมือถือเล่น รุ่นน้องผู้ทำหน้าที่ บก.ของเล่มเล็กคนปัจจุบันก็ไลน์มาแจ้งให้ทราบว่า… “พี่จอมครับ ตั้งแต่ 31 พค นสพเล่มเล็กจะย้ายไปรวมเป็นส่วนหนึ่งในเล่มใหญ่ ส่วนคอลัมน์ทุ่งหญ้าของพี่ ถ้าส่งตามเดิม พี่สะดวกมั้ยครับ” ผมตกอยู่ในอาการ ‘อึ้งแดกไปเลยค่ะ’ ไปชั่วขณะ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าสักวันเรื่องอะไรแบบนี้ก็จะเดินทางมาถึง เพราะเดี๋ยวนี้สิ่งพิมพ์แทบไม่มีคนเสียเงินซื้ออ่านแล้ว แต่เรียนตามตรงว่าเมื่อวันนั้นมาถึงจริงๆ มันก็อดใจหายไม่ได้
5. หนังสือพิมพ์ สตาร์ ซอคเกอร์ รายวัน ในรูปแบบ ‘เล่มเล็ก’ หรือที่พากย์อังกฤษว่า ‘แท็บลอยด์’ (อันย่อมาจากคำว่า Table of Loyd: วันหลังค่อยเล่าให้อ่านกันว่ามีที่มาจากอะไร) จะไม่มีวางจำหน่ายบนแผงหนังสือแล้วนะครับ
ทว่าเนื้อหาของเล่มเล็ก และพวกเรา อันหมายถึง ‘คอลัมนิสต์ลูกหนัง’ บนหน้ากระดาษชุดเดนตายที่ยังเหลือรอดอยู่ในโลกเสมือน อาทิ Jackie, ตังกุย, ไก่ป่า และลิตเติ้ลโจ จะไปรวมร่างอยู่ในหนังสือพิมพ์ สยามกีฬา เล่มใหญ่ๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ขอบคุณผู้อ่านที่เคยอุดหนุนเป็นประจำในยุคอนาล็อก ที่ยังคิดถึงกัน และยังคงอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีพวกท่านก็ไม่มีพวกเรา ส่วนผม และนาทีนี้ก็จะยังอยู่ทั้งในหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ และในโลกออนไลน์ไปเรื่อยๆ จนกว่าผู้อ่านจะไม่อนุญาตนั่นแหละครับ