เชียงใหม่ เร่งล่าตัวเจ๊เปิ้ลพร้อมสามี หลอกขายที่ดินทิพย์ จัดโปรผ่อนปลอดดอกเบี้ยเจาะกลุ่มแรงงานต่างด้าว ผู้เสียหายรวมตัวแจ้งความขอตำรวจเร่งรัดคดี คาดถูกหลอกกว่าห้าร้อยคนสูญเงินฟรีกว่าร้อยล้านบาท

3594

เชียงใหม่ เร่งล่าตัวเจ๊เปิ้ลพร้อมสามี หลอกขายที่ดินทิพย์ จัดโปรผ่อนปลอดดอกเบี้ยเจาะกลุ่มแรงงานต่างด้าว ผู้เสียหายรวมตัวแจ้งความขอตำรวจเร่งรัดคดี คาดถูกหลอกกว่าห้าร้อยคนสูญเงินฟรีกว่าร้อยล้านบาท

วันที่ 12 มิถุนายน 2566 กลุ่มผู้เสียหายกว่า 200 คน ที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกขายที่ดินทิพย์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน รวมตัวกันที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ถือป้ายและยื่นหนังสือกับ พล...ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ พล...ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ขอให้เร่งรัดตามจับกุมเจ๊เปิ้ล หรือ นางสาวพิชามญช์ อายุ 41 ปี และ นายคณิสร อายุ 44 ปี สองสามีภรรยาที่ตกเป็นผู้ต้องหามาดำเนินคดี หลังจากผู้เสียหายเข้าแจ้งความตามโรงพักหลายพื้นที่แต่คดียังไม่คืบหน้า

นายนัตถ์นินทร์ อายุ 51 ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย เผยพฤติกรรมของเจ๊เปิ้ลว่าได้โฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ อ้างเปิดโครงการจัดสรรที่ดินสำหรับสร้างบ้าน ในพื้นที่ .สารภี .แม่ริม .สันกำแพง รวมทั้ง .ลำพูน เน้นกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าสู่ระบบสินเชื่อทางธนาคารได้ โดยอ้างว่าเปิดให้ผ่อนกับเจ้าของที่ดินได้โดยตรง เมื่อผ่อนเสร็จแล้วจะโอนกรรมสิทธิ์ให้

ส่วนที่ดินที่นำมาหลอกขายจะใช้วิธีไปหลอกขอซื้อที่ดินจากเจ้าของ อ้างว่าจะนำไปจัดสรรทำโครงการขายที่ดิน โดยมีการทำสัญญาจะซื้อจะขายและวางเงินมัดจำกับเจ้าของที่ดินไว้ห้าถึงสิบเปอร์เซ็นต์ จากนั้นเอาหน้าโฉนดไปแบ่งจัดสรรเป็นล็อกไปหลอกขายชาวบ้าน ให้ดาว 40 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือให้ผ่อนจ่ายได้ 3-5 ปี บอกว่าหลังจ่ายเงินดาวน์ไปแล้วสามเดือนจะสามารถเข้าไปสร้างบ้านได้เลย แต่พอได้เงินดาวน์จากชาวบ้านแล้วกลับไม่เอาเงินไปจ่ายให้กับเจ้าของที่ดิน เมื่อถึงเวลาชาวบ้านก็ไม่สามารถเข้าไปสร้างบ้านได้ เมื่อไปดูที่ดินก็พบว่ายังเป็นทุ่งนา ผู้เสียหายทราบภายหลังว่าไม่มีการซื้อขาย โฉนดยังเป็นของเจ้าของเดิมที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางแปลงเจ้าของตัวจริงขายไปให้คนอื่นแล้ว เมื่อผู้เสียหายขอเงินคืนก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ สุดท้ายไม่มีใครได้เงินคืน

สำหรับผู้เสียหาย ล่าสุดเท่าที่รวบตอนนี้ประมาณห้าร้อยคน เงินที่เสียไปกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท และยังมีผู้เสียหายที่ยังติดต่อไม่ได้อีกจำนวนมาก คดีนี้ทราบว่ามีการออกหมายจับสองสามีภรรยาไปแล้วแต่ยังลอยนวล จึงรวมตัวกันมาขอให้ตำรวจเร่งรัดคดีให้ นอกจากนี้จะขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับพนักงานขายของบริษัทเจ๊เปิ้ล 13 คน โดยเชื่อว่าจะมีส่วนร่วมขบวนการหลอกลวง เนื่องจากไม่บอกแต่แรกว่าที่ดินไม่มีจริงทั้งที่น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว

นายน้อย ลุงโทน หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า ตนเองเป็นชาวไทยใหญ่ไม่มีสัญชาติไทย แต่อยากได้ที่ดินไว้ให้ลูก เห็นโฆษณาของบริษัทนี้ในโซเชียลที่บอกว่าไม่มีสัญชาติไทยก็ซื้อผ่อนได้ จึงตัดสินใจนำเงินเก็บจากการทำงานรับจ้างทำสวนมาตั้งแต่ปี 2539 ซื้อที่ดิน 126 ตารางวาในพื้นที่ .สันโป่ง .แม่ริม .เชียงใหม่ จ่ายเงินดาวน์ไปสามแสนกว่าบาทเมื่อปี 2564 หลังจากนั้นผ่อนเดือนละสองหมื่น ตั้งใจว่าเมื่อผ่อนเสร็จในปี 2568 จะโอนที่ดินให้กับลูกที่ได้สัญญาติไทยมาแล้ว แต่สุดท้ายก็มารู้ตัวว่าถูกหลอก เสียเงินไปกว่า 5.7 แสนบาท

ด้าน พล...ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้เสียหายแจ้งความในหลายท้องที่รวมทั้งกองปราบปราม ในส่วนของตำรวจภูธรเชียงใหม่ หลังจากได้รับเรื่องจากกองปราบปรามได้สอบสวนผู้เสียหายไปแล้วประมาณ 200 คน และศาลได้อนุมัติหมายจับในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงในท้องที่ สภ.สารภี สภ.สันกำแพง และ สภ.แม่ริม

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ได้สั่งให้เปิดกองอำนวยการสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับระดมพนักงานสอบสวนมาสอบปากคำผู้เสียหายที่เหลือ รวมทั้งกลุ่มผู้เสียหายที่จะเข้าแจ้งความเพิ่มเติม ส่วนการตามจับกุมสองผู้ต้องหาได้สั่งให้ชุดสืบสวนไปแล้ว คาดไม่เกินสิบห้าวัน จะจับกุมได้

ส่วนกลุ่มพนักงานขายที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มเติมในวันนี้ ได้สั่งให้สอบสวนพฤติกรรม หากมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะถูกแจ้งข้อหา นอกจากนี้ที่พบว่าเซลล์หลายคนแตกกลุ่มไปตั้งโครงการใหม่ที่มีลักษณะเดียวกันก็จะแยกเป็นอีกคดีหนึ่ง นอกจากนี้ได้ประสานธนาคารอายัดบัญชีธนาคารของสองผู้ต้องหาทั้งหมดและตรวจสอบเส้นทางการเงินกับบัญชีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว