20 มิ.ย. 66 – กระทรวงยุติธรรม ให้ความรู้ทางกฎหมาย เรื่อง “จัดการคนนอกใจ โดยการเรียกค่าทดแทน” โดยระบุว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 มีหลักการว่า เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุสามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ ภริยา หรือสามี มีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากผู้ซึ่งได้รับอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น แต่ถ้าสามีหรือภริยายินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการดังกล่าว สามีหรือภริยานั้นจะเรียกค่าทดแทนไม่ได้
ทั้งนี้ ค่าทดแทนจะเป็นจำนวนเท่าใดนั้นให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์ โดยศาลจะสั่งให้ชำระครั้งเดียวหรือแบ่งชำระเป็นงวดๆ มีกำหนดเวลาตามที่ศาลจะเห็นสมควร
หลักพิจารณาในการกำหนดค่าทดแทน ได้แก่
– ฐานะทางสังคม อาชีพการงาน การศึกษาของทุกฝ่าย ทั้งคู่สมรส และตัวชู้ ซึ่งหากมีฐานะทางสังคมสูง การศึกษาสูง หน้าที่การงานดี ก็ย่อมมีค่าทดแทนสูงตามไปด้วย
– ระยะเวลาที่แต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน ยิ่งนานยิ่งมีค่าทดแทนสูง
– มีการจัดงานแต่งงานหรือไม่
– การมีบุตรร่วมกัน
– ลักษณะความสัมพันธ์ในครอบครัวก่อนเกิดเหตุการณ์มีชู้
– ความเปิดเผยในการเป็นชู้
– ระยะเวลาเป็นชู้
– ผู้เป็นชู้ รู้หรือไม่ว่ากำลังเป็นชู้
– ความสำนึกผิดหลังถูกจับได้ว่าคบชู้
– มีการฟ้องหย่า เพื่อเรียกทรัพย์สินจากอีกฝ่ายร่วมด้วยหรือไม่
โดยศาลจะพิจารณาจากองค์ประกอบเหล่านี้ เพื่อกำหนดค่าทดแทน ว่าการคบชู้นั้น ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อชื่อเสียง และครอบครัวมากน้อยแค่ไหน และหากดำเนินการฟ้องชู้ โดยไม่ประสงค์ฟ้องหย่า จะไม่สามารถเรียกค่าทดแทนจากคู่สมรสที่คบชู้ได้
การฟ้องชู้ ถือเป็นคดีแพ่ง ต้องพิจารณาคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัว โดยกระบวนพิจารณาจะเน้นการไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกัน มากกว่าการจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด
ข้อมูลจาก : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 มาตรา 1523 มาตรา 1525 กระทรวงยุติธรรม