ศาลปกครองเชียงใหม่ พิพากษาชี้ ‘นายกฯ ประยุทธ์ – กก.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ’ ละเลยหน้าที่ล่าช้าแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5

337

ศาลปกครองเชียงใหม่ พิพากษาชี้ ‘นายกฯ ประยุทธ์ – กก.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ’ ละเลยหน้าที่ล่าช้าแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 พร้อมพิพากษาสั่งให้ใช้อำนาจแก้ปัญหาฝุ่นควันในอนาคตให้ทันท่วงที ด้านปลัดเทศบาลตำบลฯ ผู้ฟ้องคดีขอไม่ให้สัมภาษณ์ ระบุคดียังไม่ถึงที่สุด

จากกรณีศาลปกครองเชียงใหม่ อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ส. 2/2566 คดีหมายเลขแดงที่ ส. 2/2566 คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ระหว่าง นายวสุชาติ พิชัย ผู้ฟ้องคดี กับ นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 วานนี้ (10 ก.ค.66)

ทั้งนี้ทางศาลปกครองระบุว่านายวสุชาติ พิชัย ผู้ฟ้องคดีมีภูมิลำเนาอยู่ที่ .สุเทพ .เมืองเชียงใหม่ .เชียงใหม่ ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ และผู้ฟ้องคดีเห็นว่าผู้ถูกฟ้องคดีปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้แก่ประชาชนอย่างจริงจัง จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 ซึ่งนายวสุชาติ พิชัย ผู้ฟ้องคดี ได้ขอให้ศาลมีคำพิพากษาและคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 สั่งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรทำฝนหลวงเพื่อดับควันหรือฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน เพื่อให้ฝุ่นเบาบางลงและประกาศให้จังหวัดเชียงใหม่ที่มีปัญหาเป็นเขตภัยพิบัติทั้งจังหวัด เพื่อให้หน่วยงานใช้งบประมาณในการแก้ปัญหาได้ และ อย่านิ่งเฉยต่อปัญหาควันหรือฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน โดยทำให้เป็นวาระแห่งชาติอันดับหนึ่งในการแก้ไขปัญหา

ศาลพิเคราะห์ว่าเนื่องจากค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีและส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจริง ทั้ง ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จนเกินกำลังของบุคลากรทางการแพทย์ ตามคำชี้แจงของคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพเขตที่ 1 เชียงใหม่ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

ศาลวินิจฉัยแล้วว่าผู้ภูฟ้องคดีทั้งสองละเลยต่อหน้าที่ตามที่พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 และ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ละเลยต่อหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร จึงพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ร่วมกันใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการอื่นใด เพื่อระวัง ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขมลพิษอันเกิดจากควันหรือฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ให้อยู่ในค่ามาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ในบรรยากาศโดยทั่วไป และเกณฑ์ดัชนีคุณภาพอากาศของประเทศในระดับดีมากหรือระดับดีต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมในอนาคตได้อย่างทันท่วงที คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

สำหรับคดีนี้นายคดีนี้ นายวสุชาติ ซึ่งเป็นปลัดเทศบาลตำบลตลาดใหญ่ .ดอยสะเก็ด .เชียงใหม่ ได้ยื่นฟ้องทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ ออนไลน์ทางศาลปกครองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 โดยระบุเหตุผลว่าเนื่องจากได้รับผลกระทบสุขภาพโดยตรง เกิดอาการไอ เจ็บตา แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก คล้ายเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ อันเป็นผลโดยตรงจากมลพิษทางอากาศ จึงตัดสินใจยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยยืนยันเป็นเพราะผลกระทบและไม่มีเรื่องการเมืองหรือเรื่องอื่น ๆ อยู่เบื้องหลัง

ผู้สื่อข่าวติดต่อขอสัมภาษณ์นายวสุชาติ ระบุยังไม่สะดวกให้ที่จะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยบอกว่าเกรงมีผลกระทบต่อคดีเนื่องจากคดียังไม่ถึงที่สุด และ ผู้ถูกฟ้องคดีมีสิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน ตามกฎหมาย