เชียงใหม่ นักเรียนหญิงวัย 17 สุดช้ำ หางานทำออนไลน์หวังรายได้เสริม ถูกมิจฉาชีพเอาข้อมูลไปเปิดบัญชีม้าหลอกเหยื่อโอนเงิน ล่าสุดถูกผู้เสียหายแจ้งจับแล้วสองคดี ทนายความพาร้องตำรวจภาค 5 ขอช่วยเหลือ
วันที่ 21 สิงหาคม 2566 นางสาวก้อย ( นามสมมุติ ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ปวช.3 วิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมกับผู้ปกครองและทนายความอาสานำหมายเรียกพร้อมหลักฐานอื่น ๆ เข้าร้องเรียนกับ พ.ต.อ.วชิรศักดิ์ ศรีประสม ผกก.สส.3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 ขอให้ช่วยเหลือ หลังจากถูกมิจฉาชีพหลอกขอข้อมูลส่วนตัวนำไปเปิดบัญชีม้าจนทำให้ตัวเองต้องถูกแจ้งความดำเนินคดีแล้ว 2 คดี
นางสาวก้อย ให้ข้อมูลว่าวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา ได้เห็นโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ชิญชวนสมัครงานจึงเกิดความสนใจเพราะต้องการหารายได้พิเศษระหว่างเรียน จึงทักไปสอบถามรายละเอียด ทราบว่าเป็นงานออนไลน์แต่ไม่ทราบรายละเอียดลักษณะงาน โดยกลุ่มมิจฉาชีพให้ส่งหลักฐานเป็นข้อมูลส่วนตัว หมายเลขบัตรประชาชนทั้งหน้าและหลัง รวมทั้งข้อมูลสำหรับการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัลเพื่อเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ อ้างว่าเป็นบัญชีสำหรับรับรายได้ ตนเองหลงเชื่อจึงส่งข้อมูลให้ไปทั้งหมด
ปรากฏว่าหลังจากส่งข้อมูลไปให้ ได้มีเงินเข้าบัญชีมา 300 บาท กลุ่มมิจฉาชีพอ้างว่าทำงานสำเร็จแล้วและไม่แจ้งรายละเอียดว่าทำงานอะไร ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าค่างานอะไร จากนั้นได้บล็อกการติดต่อหายไปติดต่อไม่ได้อีกเลย
ต่อมากลางเดือนกรกฏาคม 2566 ได้รับการติดต่อจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ว่าตนเองตกเป็นผู้ต้องหา หลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่าถูกโจรออนไลน์โทรศัพท์มาอ้างเป็นหลานสาวขอยืมเงิน 98,000 บาท และได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่มาทราบภายหลังว่ามีชื่อของตัวเองเป็นเจ้าของบัญชี
นอกจากนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความในลักษณะเดียวกันอีกหนึ่งคดีในท้องที่ สภ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา โดยผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงิน 40,000 บาท ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตนเองและผู้ปกครองเครียดหนักจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนและกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีทั้งที่ตัวเองเป็นผู้เสียหายถูกหลอก
นางสาวณัฐปภัสร์ ขวัญเมือง ทนายความ บอกว่า ผู้เสียหายเป็นเยาวชนถูกหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนบุคคลไปเปิดบัญชีม้านำไปกระทำความผิดต่อ จากการตรวจสอบข้อมูลบัญชีธนาคารพบว่าหลังจากเปิดบัญชีมีเงินหมุนเวียนเข้าออกรวมแล้วกว่า 1.5 ล้านบาท กรณีที่เยาวชนต้องตกเป็นผู้ต้องหาจากความรู้ไม่เท่าทันมีผลต่ออนาคต จึงรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเข้ามาร้องเรียนขอความเป็นธรรมในครั้งนี้
ด้าน พ.ต.อ.ประเวศน์ พิโลนพงศธร ผกก.กองคดี กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า จะส่งเรื่องไปให้พนักงานสอบสวน สภ.แม่โป่ง อ.ดอยดสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของนางสาวก้อยเพื่อสอบสวนในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะส่งรายละเอียดทั้งหมดไปให้กับโรงพักต้นเรื่องทั้งสองท้องที่ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะตกเป็นผู้ต้องหาหรืออยู่ในฐานะพยานซึ่งผู้เสียหายต้องให้ข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมดกับพนักงานสอบสวน พร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อใครง่าย ๆ โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์