(มีคลิป) ตำรวจไซเบอร์รวบหนุ่ม ขายข้อมูลส่วนบุคคล 2 ล้านรายชื่อ แลกเงิน 7 พัน พบมีทั้งหมดกว่า 15 ล้านรายชื่อ นำไปขายให้ธุรกิจสีเทา

913

25 ส.ค. 66 – สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์จับกุมตัว นายผดุงเกียรติ หรือเบนซ์ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.2566 ที่ผ่านมา กรณีขายข้อมูลส่วนบุคคล กว่า 2 ล้านรายชื่อให้กับกลุ่มธุรกิจสีเทา ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลตามที่กฎหมายได้รับรองไว้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูล อาทิ การโทรศัพท์เข้ามาหลอกลวง โฆษณาชี้ชวนให้เข้าทำสัญญาต่างๆ ทางโทรศัพท์ และ การส่งข้อความเข้ามาในโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยเจ้าของมิได้มีเจตนาในการรับข้อความนั้นๆ

dW1X3AE.jpeg

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้มอบหมาย พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ออกสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานกลุ่มขบวนการที่เกี่ยวข้อง ผลการตรวจสอบปรากฏข้อมูลรายละเอียดการเสนอขายฐานข้อมูลจาก นายศุภากรณ์ หรือปลื้ม ให้กับนายผดุงเกียรติ์ หรือเบนซ์ (ผู้ถูกจับ) ผ่านแชทบัญชีเฟซบุ๊ค โดยพบหลักฐานมีการตกลงซื้อขายข้อมูลจำนวนกว่า 2 ล้านรายชื่อ ในราคา 7,000 บาท โดยการชำระเงินเข้าบัญชีธนาคารในชื่อนายศุภากรณ์

dW1Xk1v.jpeg

ต่อมาวันที่ 22 ส.ค.66 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.5 ลงพื้นที่สืบสวนหาข้อมูลจนทราบว่า นายศุภากรณ์ฯ มาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ พุทธมณฑลสาย 3 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ จึงวางแผนเข้าจับกุมและสามารถจับกุมตัว นายศุภากรณ์ฯ อายุ 24 ปี ในความผิดฐาน “โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศฯ จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากเจ้าพนักงาน, ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ฯ นำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น”

dW1XhWk.jpeg

พล.ต.ต.ชรินทร์ฯ เปิดเผยว่าในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ประกอบอาชีพเป็นคนกลาง รับซื้อข้อมูลจากกลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อขายอาหารเสริมยี่ห้อดัง และจากกลุ่มสีเทา ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลกว่า 15,000,000 รายชื่อ นำมาโพสต์ขายต่อในเฟซบุ๊ก มีรายได้จากการกระทำดังกล่าวสูงสุดกว่า 400,000 บาท ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จับกุมในที่สุด