บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ประกาศแจ้งขอความร่วมมือประชาชนงดหรือหลีกเลี่ยงการปล่อยโคมลอย โคมควัน ดอกไม้ไฟ แสงเลเซอร์ อากาศยานไร้คนขับ (Drone) หรือวัตถุอื่นใดที่อาจเป็นอันตรายต่ออากาศยาน ผู้โดยสารและประชาชนในเขตโดยรอบสนามบินทั้ง 6 แห่งช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2566 ในช่วงเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2566 คือระหว่างวันที่ 27 – 28 พฤศจิกายน 2566 ในบางพื้นที่มักจะมีการจัดกิจกรรมปล่อยโคมลอย โคมควัน
โดยในส่วนของ AOT ซึ่งบริหารสนามบินหลัก 6 แห่งของประเทศไทย ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ขอความร่วมมือประชาชนระมัดระวัง หรือหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการปล่อยวัตถุอันตรายขึ้นสู่ท้องฟ้า เช่น การปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน พลุ ตะไล บั้งไฟ ดอกไม้ไฟ ลูกโป่ง การปล่อยแสงเลเซอร์ และอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (Drone) ที่อาจเป็นอันตรายต่ออากาศยาน และการมองเห็นของนักบินในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ โดยเฉพาะบริเวณสนามบิน พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษระดับ 1 (พื้นที่สีแดง) คือ บริเวณแนวขึ้น – ลงสนามบินที่อยู่ห่างจากทางขึ้น – ลงของเครื่องบินทั้ง 2 ด้าน รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงสนามบิน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2562 มาตรา 59/1 และ 59/2
ซึ่งมีบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนตามที่ระบุในมาตรา 109/1 จำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
และมาตรา 109/2 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 120,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2558 มาตรา 18 (2) ได้ระบุว่า ผู้ใดกระทำการ ให้อากาศยานในระหว่างบริการเสียหาย จนเป็นเหตุให้อากาศยานนั้นไม่สามารถทำการบินได้หรือเป็นเหตุหรือน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างบิน ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000 บาท ถึง 800,000 บาท
นอกจากนี้ ตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เรื่อง แนวทางในการพิจารณาอนุญาตให้อากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอกทำการบินภายในระยะ 9 กิโลเมตรจากสนามบินหรือที่ขึ้นลงชั่วคราวของอากาศยาน พ.ศ.2561 ได้กำหนดให้ผู้บังคับหรือปล่อยโดรนต้องขออนุญาตจากผู้มีอำนาจอนุญาตตามกฎหมายก่อนทุกครั้งและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดสำหรับพื้นที่นอกเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ ขอให้ผู้ที่ต้องการปล่อยโคมลอยฯ ตรวจสอบรายละเอียดในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครหรือประกาศจังหวัดที่ต้องการจะปล่อย ซึ่งจะระบุรายละเอียดของพื้นที่ที่สามารถอนุญาตปล่อยได้ โดยในการจะปล่อยนั้นต้องดำเนินการขออนุญาตล่วงหน้าจากผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอในพื้นที่นั้นๆ ล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน
ทั้งนี้ AOT ขอประชาสัมพันธ์ผลกระทบต่อความปลอดภัยด้านการบิน ได้แก่
(1) โคมลอยใช้ความร้อนจากเปลวไฟพยุงตัวโคมให้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ หากลอยขึ้นไปอยู่ในระดับความสูงที่อากาศยานทำการบิน อาจก่อให้เกิดอันตราย เช่น บดบังวิสัยทัศน์ของนักบิน หรือหากเข้าเครื่องยนต์ของอากาศยานอาจทำให้เกิดการลุกไหม้ ระเบิด หรือเครื่องยนต์ชำรุด หรือหากติดอยู่บริเวณปีกหรือแพนหาง อาจทำให้นักบินไม่สามารถควบคุมอากาศยานได้ หรือหากปลิวเข้าในเขตการบินอาจถูกดูดเข้าไปในเครื่องยนต์ อาจส่งผลอันตรายร้ายแรงต่ออากาศยาน
(2) พลุและดอกไม้ไฟถือเป็นวัตถุอันตราย มีความไวไฟ ซึ่งสามารถระเบิดได้ หากถูกจุดสูงขึ้นไปอยู่ในระดับที่อากาศยานทำการบิน จะทำให้ทัศนวิสัยของนักบินไม่ชัดเจน หรืออาจสร้างความเสียหายให้กับอากาศยานถึงขั้นถังน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดการลุกไหม้ได้
(3) ลูกโป่งบางประเภทอาจหลุดลอยจากการจัดการหรือหลุดจากมือประชาชนและลอยขึ้นท้องฟ้า ซึ่งไม่สามารถควบคุมทิศทางการลอยได้ อาจถูกดูดเข้าเครื่องยนต์ของอากาศยานและปลิวเข้าเขตการบิน
(4) การฉายลำแสงเลเซอร์ขึ้นบนท้องฟ้า (Laser Beam) ส่งผลให้รบกวนสายตาของนักบิน
(5) การปล่อยโดรนที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าบินขึ้นจากตำแหน่งใด ซึ่งประชาชนทั่วไปยังไม่ทราบกฎ ระเบียบ ประกาศกระทรวงคมนาคมหรือแนวทางการขออนุญาตในการบินโดรน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดอันตรายต่ออากาศยานขณะทำการบิน
AOT และสนามบินทั้ง 6 แห่งได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของอากาศยานและผู้โดยสารเป็นสำคัญ จึงได้รณรงค์เรื่องการปล่อยโคมลอยฯ ให้ปลอดภัย โดยได้ลงพื้นที่ชุมชนโดยรอบสนามบินเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการปล่อยโคมลอยฯ ในช่วงเทศกาลลอยกระทง รวมทั้งอันตรายและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอากาศยาน นอกจากนั้น ยังได้ร่วมส่งเสริมและสืบสานประเพณีลอยกระทงโดยการจัดซุ้มถ่ายภาพ และตกแต่งพื้นที่สร้างบรรยากาศภายในอาคารผู้โดยสารต้อนรับผู้ใช้บริการด้วย