9 ม.ค. 68 – ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ไบโอเทค ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “Anan Jongkaewwattana” ประเด็นเกี่ยวกับการรักษา HIV ระบุว่า
การค้นพบวิธีรักษาการติดเชื้อ HIV ให้หายขาดอาจจะมีโอกาสใกล้เป็นจริงแล้ว หลังจากที่เราต้องต่อสู้กับไวรัสชนิดนี้มายาวนานกว่า 40 ปี ความหวังใหม่มาจากการพัฒนาการรักษาที่ใช้เทคโนโลยีตัวรับของเม็ดเลือดขาว T cell หรือ TCR (T Cell Receptor) ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อค้นหาและกำจัดไวรัสที่แอบซ่อนตัวอยู่ในร่างกาย นับเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนแนวทางการรักษาการติดเชื้อ HIV ไปจากเดิม ในปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อ HIV ต้องพึ่งพายาต้านไวรัสที่ต้องรับประทานทุกวันตลอดชีวิต แม้ว่ายาเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพดีในการควบคุมไวรัสไม่ให้แพร่กระจายและช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่เกือบจะเป็นปกติ แต่ก็ยังไม่สามารถกำจัดไวรัสให้หมดไปจากร่างกายได้ เนื่องจากไวรัสมีความแยบยลในการหลบซ่อนตัวในเซลล์ภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า CD4+ T cells ซึ่งเปรียบเสมือนป้อมปราการที่ปลอดภัยของไวรัส ทำให้ยาต้านไวรัสไม่สามารถเข้าถึงและทำลายได้
การค้นพบล่าสุดโดยบริษัท Immunocore ได้พัฒนาการรักษาแบบใหม่ที่ทำงานเหมือนการสร้างกุญแจพิเศษที่สามารถไขเข้าไปในที่หลบซ่อนของไวรัส โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า bispecific TCR ซึ่งทำงานเหมือนนักสืบตาเหยี่ยวที่สามารถตรวจจับและชี้เป้าให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าไปทำลายเซลล์ที่มีไวรัสซ่อนอยู่ได้อย่างแม่นยำ การรักษานี้ได้ผ่านการทดสอบทางคลินิกเบื้องต้นแล้วว่ามีความปลอดภัย และกำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อหาขนาดยาที่เหมาะสมที่สุด
ในขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกก็กำลังพัฒนาวิธีการรักษาแบบอื่นๆ ควบคู่กันไป หนึ่งในนั้นคือการใช้แอนติบอดีที่มีประสิทธิภาพสูง (broadly neutralizing antibodies) ที่สามารถจดจำและทำลายไวรัส HIV ได้หลากหลายสายพันธุ์ อีกวิธีหนึ่งคือการแก้ไขพันธุกรรมโดยใช้เทคโนโลยี CRISPR เพื่อทำให้เซลล์ของร่างกายต้านทานต่อการติดเชื้อเอชไอวี นอกจากนี้ยังมีวิธีการที่เรียกว่า “kick and kill” ที่ใช้ยากระตุ้นให้ไวรัสที่กำลังหลบซ่อนตัวแสดงตัวออกมา เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันหรือยาสามารถเข้าไปทำลายได้
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาวิธีการรักษาใหม่ๆ เหล่านี้ต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ เนื่องจากผู้ป่วยที่ใช้ยาต้านไวรัสในปัจจุบันมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถใช้ชีวิตได้เกือบเป็นปกติ การจะทดลองวิธีการรักษาใหม่ๆ จึงต้องมั่นใจว่ามีความปลอดภัยสูงและไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สูงมากในการพัฒนายาและวิธีการรักษาใหม่ๆ ในระหว่างที่การวิจัยเพื่อค้นหาวิธีรักษาให้หายขาดยังดำเนินต่อไป วงการแพทย์ก็ได้พัฒนาวิธีการรักษาแบบประคับประคองให้ดีขึ้นด้วย เช่น การพัฒนายาต้านไวรัสรูปแบบใหม่ที่เป็นยาฉีดที่ออกฤทธิ์ยาวนาน สามารถฉีดเพียงเดือนละครั้งหรือสองเดือนครั้ง แทนการต้องกินยาทุกวัน ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและลดความกังวลเรื่องการลืมกินยา นอกจากนี้ยังมีการพัฒนายาป้องกันการติดเชื้อแบบฉีด (PrEP) ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการกินยาถึง 9 เท่า ซึ่งเป็นความหวังในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
มีกรณีศึกษาที่น่าสนใจของผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่สามารถกำจัดเชื้อ HIV ออกจากร่างกายได้สำเร็จ โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และได้รับเซลล์ต้นกำเนิดจากผู้บริจาคที่มียีนพิเศษที่ทำให้ต้านทานต่อเชื้อเอชไอวี แม้ว่าวิธีนี้จะไม่สามารถนำมาใช้กับผู้ป่วยทั่วไปได้ แต่ก็เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าการรักษาHIVให้หายขาดนั้นเป็นไปได้ นักวิทยาศาสตร์ยังได้ศึกษากลุ่มผู้ติดเชื้อพิเศษที่เรียกว่า “elite controllers” ซึ่งเป็นผู้ที่ร่างกายสามารถควบคุมไวรัสได้เองโดยธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้ยา แม้จะมีเพียงน้อยกว่า 1% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด แต่การศึกษากลุ่มคนเหล่านี้อาจนำไปสู่การค้นพบกลไกสำคัญที่จะช่วยพัฒนาการรักษาในอนาคต
ท้ายที่สุด แม้ว่าเรายังไม่มีวิธีรับมือกับการติดเชื้อ HIV ให้หายขาดได้ในทันที แต่ความก้าวหน้าทางการแพทย์กำลังนำเราเข้าใกล้เป้าหมายนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ การรวมกันของวิธีการรักษาหลายๆ แบบ ทั้งการใช้ TCR, แอนติบอดี การแก้ไขพันธุกรรม และวิธีการอื่นๆ อาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพในที่สุด และหากทุกคนที่ติดเชื้อได้รับการรักษา รวมทั้งผู้ที่มีความเสี่ยงได้รับการป้องกันอย่างเหมาะสม การแพร่ระบาดของ HIV ก็จะสามารถยุติลงได้ในอนาคตอันไม่ไกลจากวันนี้