(มีคลิป Video) เปิดใจทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยคนไร้บ้านเชียงใหม่ ถูกจับฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ร้องขอ จนท.ดำเนินการอย่างถูกต้อง ด้านคนไร้บ้านให้สัมภาษณ์ยันถูกจับจริง ขณะที่ทางด้าน พม.เชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมเผยมีคนไร้บ้านถูกจับจริง 2 ราย แต่ได้มีการปล่อยตัวออกมาแล้วและไม่มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด
วันที่ 22 เมษายน 2563 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ได้มีเรื่องราวเหตุการณ์ที่ปรากฏในโลกโซเชียล กรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวกลุ่มบุคคลเร่ร่อน ดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และผู้ถูกจับได้ถูกดำเนินคดี แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับและต้องถูกคุมขังส่งฟ้องศาล จนกระทั่งเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น ทางผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายพิฆเนศ ประวัง เจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นผู้โพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นลงในเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นนี้เริ่มมาจากการที่ทางกลุ่มอาสาสมัครออกไปบริจาคข้าวของให้กับคนไร้บ้านในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ และต่อมาได้รับการบอกเล่ามาว่า มีคนไร้บ้าน 2 คน ที่ถูกทางเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีจากการที่ออกนอกบ้านในช่วงเวลาเคอร์ฟิว และถูกดำเนินคดี ทางตนและกลุ่มเจ้าหน้าที่จึงได้ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ และได้พบกับเคสกรณีที่เกิดขึ้น 2 คน ที่เล่าว่าถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม โดยคนแรกถูกจับกุมที่บริเวณข่วงประตูท่าแพที่มีด่านตรวจของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งอยู่ โดยคนที่ถูกจับกุมเล่าว่า ได้เดินไปยังบริเวณประตูท่าแพเวลาประมาณ 3 ทุ่ม และกำลังจะเดินกลับ แต่ช่วงที่เดินกลับนั้นเป็นช่วงเวลาที่เกินเวลาเคอร์ฟิว ประมาณ 4 ทุ่มกว่า ส่วนอีกเคสเป็นกรณีคนไร้บ้านที่มีอาชีพรับจ้างเข็นผักอยู่ในตลาด และพักอาศัยแถวในตลาดด้วย แต่ในคืนเกิดเหตุเจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า ได้นอนหลับและตื่นมาประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง จากนั้นก็เดินข้ามถนนจากตลาดมาฝั่งที่ติดลำน้ำปิงเพื่อจะมาปัสสาวะ และเมื่อทำธุระเสร็จก็กำลังจะเดินกลับไปที่พัก แต่ขณะกลับได้มีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจขับผ่านมาและแจ้งว่าตนได้ออกจากบ้านเกินเวลา จึงได้ทำการจับกุมตัวไปที่ สภ.เมืองเชียงใหม่
นอกจากนี้ยังมีการบอกเล่าอีกว่ามีกลุ่มคนไร้บ้านที่ถูกจับกุมในลักษณะนี้อีกหลายเคสในจุดอื่นๆ แต่ยังไม่มีข้อมูลและยังเข้าไม่ถึงข้อมูลเหล่านี้ ทางตนจึงคิดว่าน่าจะต้องมีการเปิดเผยกรณี 2 เคสนี้ออกมาเพื่อให้เห็นก่อนว่ามีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อให้สังคมได้ตระหนักว่ามันมีกรณีลักษณะนี้เกิดขึ้นและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานนั้นควรจะใช้วิจารณญาณในการแยกคนเหล่านี้และพิจารณา เนื่องจากคนเหล่านี้ไม่มีพื้นที่อาศัยในเคหสถานแบบที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจระหว่างทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามส่วนมากกลุ่มคนเหล่านี้จะรู้คร่าวๆ จากข่าวสารที่มีการพูดถึงกันว่าขณะนี้มีการเกิดโรคระบาดที่ส่งผลทำให้งานน้อยลง รายได้ลดลง แต่เรื่องการบังคับให้ออกจากบ้านนั้นบางคนอาจจะไม่รู้แน่ชัดว่าทำได้ถึงขนาดไหน อย่างเช่น การไปปัสสาวะที่อาจไม่ใช่พื้นที่ตามที่เป็นปกติและเข้าใจทั่วไปจึงทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนและถูกจับกุมดำเนินคดี โดยพี่นามสมมุติที่ชื่อ “ตุ้ย” ก็บอกเลยว่าหลังจากนั้นก็ไม่กล้าออกไปเข้าห้องน้ำอีกเลย แม้จะปวดขนาดไหน เนื่องจากเคยโดนจับกุมมาแล้ว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตนต้องการออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ ตนอยากให้เห็นว่าเกิดปัญหาในลักษณะนี้ขึ้น เช่นปัญหาเรื่องความเข้าใจเรื่องบ้านของแต่ละคนกับกลุ่มคนไร้บ้าน เรื่องเคหสถานที่ไม่ให้ออกนอกพื้นที่ในช่วงเวลานั้น แต่มันมีกลุ่มคนที่ไม่มีบ้านหรือเคหสถานแบบที่ในความเข้าใจ และต้องเล็งเห็นด้วยว่ามีกลุ่มคนลักษณะนี้อยู่ และอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการเกี่ยวกับมาตรการของรัฐที่ออกมา ต้องทำความเข้าใจคนหลายๆ กลุ่ม รวมไปถึงการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ที่ไปดำเนินการสุดท้ายไม่ได้ส่งผลเพื่อลดจำนวนการติดเชื้อ และอาจเพิ่มการติดเชื้อด้วยซ้ำ ซึ่งตนมองว่ามันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีในการดำเนินการกับบุคคลเหล่านี้
ขณะที่ในวันเดียวกันนี้เมื่อเวลา 12.00 น. นางจิราพร เชาวน์ประยูร ยามาโมโต้ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ย่านตลาดวโรรส อำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นย่านที่มีกลุ่มคนไร้บ้านอาศัยอยู่จำนวนมาก พบชายอายุประมาณ 30 ปี ชาวอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในคนที่ถูกตำรวจจับฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งได้เล่าว่า ถูกตำรวจจับช่วงหลัง 22.00 น. ประมาณวันที่ 12 เม.ย. บริเวณประตูท่าแพจังหวัดเชียงใหม่ ขณะนั้นเขากำลังเดินไปหาเพื่อนกลุ่มคนไร้บ้านจึงถูกตำรวจจับและนำตัวไปขัง ก่อนจะปล่อยตัวออกมา ยอมรับว่าตอนนั้นไม่รู้ว่ามี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามออกไปไหนหลังเวลา 22.00 น. แต่ตอนนี้รู้แล้วและกลัวจะถูกตำรวจจับ เบื้องต้นเขาอาศัยอยู่ในตึกร้างย่านตลาดวโรรสหารายได้จากงานรับจ้างทั่วไปและไม่อยากไปในความดูแลของหน่วยงานราชการเพราะไม่เป็นอิสระ
โดยทางด้าน นางจิราพร เชาวน์ประยูร ยามาโมโต้ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นมาแล้วนั้น ทำให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มีความห่วงใยในเรื่องดังกล่าว และได้สั่งการให้ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ลงมาตรวจสอบ โดยข้อเท็จจริงแล้วนั้น จังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีประชาชนจำนวนมากอาศัยอยู่ รวมไปถึงกลุ่มคนที่เข้ามาทำงาน ไม่ว่าจะเป็น แรงงานต่างด้าว หรือคนไทยที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบว่ามีจำนวนมากพอสมควร
ขณะเดียวกันทางตนได้มีการตรวจสอบไปยังศูนย์คนไร้บ้านก็ทราบว่า มีบุคคลที่ถูกจับกุมดำเนินคดี 2 คน แต่ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการปล่อยตัวแล้วและไม่ได้มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด เนื่องจากทางผู้ถูกจับไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ขณะเดียวกันทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัด ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับกรณีที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด และที่ผ่านมา ทางหน่วยก็ได้มีการตรวจสอบติดตามกลุ่มคนเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง และมีการตรวจสอบประวัติของแต่ละคน โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่จากการที่มีกลุ่มคนเร่ร่อนไร้ที่พึ่งบางคนที่ไม่ประสงค์ที่จะเข้ารับการช่วยเหลือ เนื่องจากเคยเข้ารับการช่วยเหลือให้ไปอยู่ที่ศูนย์พักพิง แต่ขาดอิสระและความเคยชินกับการใช้ชีวิตจึงเป็นส่วนหนึ่งที่คนเร่ร่อนบางคนไม่ประสงค์เข้าไปอยู่ในความดูแลของภาครัฐ อย่างไรก็ตามจากกรณีที่เกิดขึ้นทางตนและเจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบและเข้าพบกับบุคคลดังกล่าว เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งยังไม่ทราบว่าอยู่ที่บริเวณจุดไหน หรือเป็นบุคคลใด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีการสอบถามเกี่ยวกับความต้องการที่อยากให้ช่วยเหลือในส่วนใดบ้าง โดยทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ของจังหวัดก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามจากข้อมูลเบื้องต้นมีกลุ่มคนไร้บ้านในจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 120 คน สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปประชาสัมพันธ์ให้ทราบและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดซึ่งขณะนี้กลุ่มคนไร้บ้านส่วนใหญ่ก็เข้าใจ
